กิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

ในปัจจุบันนี้ กิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นกิจการที่ความการเจริญเติบโตมาก แต่ผู้ประกอบการบางส่วนยังไม่มีความเข้าใจเรื่องภาษีอากร ดังนั้นกรมสรรพากรจึงสรุป "ประเภทภาษีที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์" และรวบรวมประเภท "ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์รูปแบบใหม่" ที่มีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี แสดงให้ผู้ประกอบการทราบเพื่อจักได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง

1. เว็บไซต์แสดงรูป และราคาสินค้า
Catalog Website หมายถึง เว็บไซต์ที่ผู้ประกอบการจัดทำขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่เป็นห้องแสดงสินค้า รายการราคาสินค้า ประชาสัมพันธ์รายการสินค้าโปรโมชั่น ณ ช่วงเวลานั้น ทั้งนี้อาจเน้นไปทางโฆษณาสินค้าตัวใหม่ๆ แต่ไม่ได้มีการซื้อขาย สินค้าออนไลน์แต่อย่างใด หากผู้ซื้อสินค้าสนใจจะซื้อสินค้าจะต้องโทรศัพท์เพื่อสั่งสินค้า ส่วนการชำระราคาค่าสินค้า จะเกิดขึ้นทันทีที่รับมอบสินค้าจากพนักงานส่งสินค้า ข้อสังเกต เว็บไซต์ประเภทนี้จะไม่มีระบบ ไม่มีตะกร้าในการซื้อขาย แต่จะมีเพียงรูปภาพ หรือรายการสินค้าพร้อมราคาเท่านั้น

2. เว็บไซต์เพื่อการขายสินค้า
e-Shopping หมายถึง เว็บไซต์ที่ผู้ประกอบการสร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนของกิจการ ส่วนใหญ่จะใช้ชื่อกิจการเป็นชื่อเว็บไซต์โดยไม่มีคำอื่นต่อท้าย กิจการจะสร้างกิจกรรมบนเว็บไซต์แบบเต็มรูปแบบ โดยจะมีกิจกรรมต่างๆ มีการเคลื่อนไหวปรับปรุง เปลี่ยนแปลงเว็บไซต์ให้ทันสมัยตลอดเวลา มีผู้เข้าชมเป็นจำนวนมาก ในส่วนของการขายสินค้า จะมีระบบการรับชำระ ค่าสินค้า มีตะกร้าให้เลือกสินค้า มีระบบการตรวจสอบการส่งของ มีระบบต่างๆ อีกมากมาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า

3. การขายสินค้าบนชุมชนเว็บบอร์ดโดยผู้ขายไม่มีเว็บไซต์เป็นของตนเอง
Community Web หมายถึง ชุมชนเว็บบอร์ดซึ่งเป็นที่รวมตัวของคนที่มีความสนใจคล้ายๆ กัน โดยทางเว็บไซต์ ได้จัดทำเว็บบอร์ดแล้วอนุญาตให้ สมาชิกนำสินค้าต่างๆมาโพสต์ขายได้ด้วย ซึ่งปัจจุบันจะมีเว็บไซต์แบบนี้อยู่เป็นจำนวนมาก เช่น เว็บสำหรับคนชอบมือถือ กล้องถ่ายรูป อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ซึ่งการทำเว็บไซต์ให้มีสินค้าตรงกับความต้องการ ของกลุ่มเป้าหมาย จะช่วยให้การขายสินค้าได้ง่าย และรวดเร็วขึ้น
การขายสินค้าบนเว็บบอร์ดของ Community Web เป็นการซื้อขายที่ผู้ซื้อ ส่วนใหญ่จะติดต่อกันทางโทรศัพท์หรือ e-mail ที่ให้ไว้บนเว็บบอร์ด แล้วคุยกันนอกรอบเพื่อตกลงเรื่องราคา ซึ่งมักจะใช้การชำระราคาค่าสินค้าด้วยวิธีการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร และรับสินค้าทางไปรษณีย์


4. เว็บไซต์เพื่อการประมูลขายสินค้า
e-Auction (electronic auction) หรือที่เรียกว่า online auction, e-bidding, online bidding หรือ การประมูลออนไลน์ คือการประมูลสินค้าและบริการผ่านอินเทอร์เน็ต ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายเห็นความเคลื่อนไหวของราคาขณะประมูลในแบบเรียลไทม์ (real time) โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องของเวลา และสถานที่เข้ามาเกี่ยวข้อง

5. เว็บไซต์ห้างสรรพสินค้าออนไลน์
e-Market Place หรือ Shopping Mall หมายถึง ห้างสรรพสินค้าออนไลน์ ทำหน้าที่เหมือนห้างสรรพสินค้าปกติโดยทั่วไป คือ แบ่งเนื้อที่ในเว็บไซต์ออกเป็นขนาดเล็กๆ อาจจะจัดเป็นหมวดหมู่ โซนต่างๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการที่สนใจมาเช่าหน้าร้านเพื่อประกอบธุรกิจโดย e-Market Place จะมีระบบจัดการเว็บไซต์ร้านค้าไว้บริการผู้ประกอบการ เช่น ระบบตะกร้าสั่งซื้อสินค้า ระบบรับชำระเงิน ระบบการตรวจเช็คสต็อก ระบบช่วยร้านค้าประชาสัมพันธ์สินค้า ระบบเว็บบอร์ด เป็นต้น

6. เว็บไซต์แหล่งซื้อขายภาพถ่ายดิจิตอล
Stock Photo หมายถึง ที่เก็บรวบรวมภาพถ่ายไว้ด้วยกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขายภาพถ่ายนั้น การขายภาพถ่าย เป็นเพียงคุณยินยอม หรืออนุญาตให้ผู้ซื้อใช้ภาพถ่ายของคุณเท่านั้น โดยคุณไม่ได้ขายขาดสิทธิ์ในภาพถ่ายดังกล่าว ดังนั้น ภาพถ่ายยังคงเป็นลิขสิทธิ์ของคุณ อยู่อย่างสมบูรณ์เช่นเดิม ซึ่งทำให้คุณสามารถ นำภาพถ่ายเดียวกันนี้ไปขายซ้ำแล้วซ้ำอีกจะกี่เว็บไซต์ก็ได้ ส่วนภาพถ่ายที่ซื้อมานั้น ผู้ซื้อสามารถ นำไปใช้ในการพิมพ์หนังสือ การพิมพ์เอกสารในโอกาสพิเศษ นิตยสาร บริษัทโฆษณา การสร้างภาพยนตร์ นักออกแบบเว็บไซต์ ศิลปินด้านภาพ บริษัทรับตกแต่งภายใน และด้านอื่นๆ ตามต้องการ ปัจจุบัน Stock Photo ไม่ได้รับเฉพาะภาพถ่ายเท่านั้น ยังรับภาพ จากนักออกแบบผู้สร้างสรรค์ภาพ จากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เช่น โปรแกรม Illustrator, Photoshop อีกด้วย 

7. การรับโฆษณาจากเว็บไซต์กูเกิ้ล
Google AdSense หมายถึง โปรแกรมการโฆษณาสินค้าที่ทาง Google เปิดโอกาสให้กับ ผู้ที่มีเว็บไซต์สามารถ สร้างรายได้ด้วยการ นำโฆษณาของ Google มาใส่ไว้ที่เว็บไซต์ โดยรายได้ จะเกิดจากการมีผู้อื่นมาเยี่ยมชม และการคลิกโฆษณานั้น ซึ่งโฆษณาต่างๆ ของ Google จะเป็นโฆษณาที่มีเนื้อหาสอดคล้อง กับเนื้อหาของเว็บไซต์ กรณีที่เว็บไซต์เกี่ยวข้องกับเกมส์ โฆษณาที่ทาง Google จะส่งมาก็จะเป็นเกี่ยวกับเกมส์ เช่นกัน 

8. การทำให้ผลการค้นหาบนกูเกิ้ลติดลำดับแรกๆ
SEO หรือ Search Engine Optimization หมายถึง การทำให้ผลการค้นหาจาก Google แสดงข้อมูลเว็บไซต์ติดอันดับต้นๆ ของผลการค้นหาปกติ (Natuaral Search) นักคอมพิวเตอร์สามารถทำได้ด้วยการปรับเว็บไซต์ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การให้คะแนนของ Google หรือที่เรียกว่า PageRank เช่น เว็บไซต์ที่เปิดมาเป็นระยะเวลานาน ผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์จำนวนมาก บทความบนเว็บไซต์มีการปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ ไม่มีข้อความที่คัดลอกจากเว็บไซต์อื่น เป็นต้น โดยเว็บไซต์ที่มี PageRank สูงก็จะได้อยู่ในอันดับต้นๆ ของผลการค้นหาปกติ ผู้ประกอบการที่ต้องการให้ผลการค้นหาของ Search engine ปรากฏบนหน้าแรกของการค้นหาซึ่งจะไม่เกี่ยวข้องกับ Google Adwords / Google Adsense การโฆษณาแบบนี้ผู้ประกอบการต้องว่าจ้างนักคอมพิวเตอร์ที่มีความชำนาญเฉพาะด้านเป็นผู้ดำเนินการ

9. เว็บไซต์นายหน้าการขายสินค้าและบริการ
Affiliate Marketing หมายถึง ธุรกิจที่ใช้ระบบการขาย และชำระเงินของผู้ขาย โดยผู้ประกอบการจะชักชวนให้ซื้อสินค้าด้วยการโฆษณาข้อมูลสินค้าผ่านเว็บไซต์ของตนเองแล้วผู้ซื้อทำการคลิกผ่าน Banner หรือ Link ID เพื่อเข้าไปซื้อสินค้า/บริการ จากเว็บไซต์นั้นๆ จึงและจะได้รับผลตอบแทนค่าธรรมเนียมภายหลังการขายประสบผลสำเร็จ
             ผู้ประกอบการในการทำ Affiliate Marketing
                 1. บริษัทหรือเว็บไซต์ที่ต้องการทำการโฆษณาสินค้า/บริการของตนเอง
                 2. Affiliate Network หรือ Affiliate Program Providers หมายถึง เว็บไซต์ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมของบริษัทหรือเว็บไซต์ต่างๆ ที่ต้องการทำการโฆษณาสินค้า/บริการของตนบนอินเทอร์เน็ต โดยผู้เป็น Affiliate Network มีหน้าที่เก็บข้อมูลและดูแลระบบจ่ายเงินค่าตอบแทนให้กับตัวแทนโฆษณา
                 3. Affiliate หมายถึง ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนโฆษณาสินค้า/บริการให้กับเว็บไซต์ต่างๆ


10. การเล่นเกมผ่านระบบเครือข่ายออนไลน์
Game Online หมายถึง การเล่นเกมผ่านระบบเครือข่ายออนไลน์ โดยผู้เล่นเกมออนไลน์จะต้องติดตั้งโปรแกรมClient เพื่อเชื่อมโยง กับบริษัทผู้ให้บริการเกมออนไลน์ซึ่งทำหน้าที่เป็น Server ทั้งนี้ข้อมูลต่างๆ ของผู้เล่นเกมออนไลน์จะถูกเก็บไว้ในเครื่อง Server ซึ่งทำให้ผู้เล่นเกมออนไลน์สามารถแข่งขัน และสนทนา (Chart) กับผู้เล่นรายอื่นที่อยู่ในเกมออนไลน์ได้ทันที ทั้งนี้ผู้เล่นเกมออนไลน์ จะต้องเสียค่าบริการ สำหรับการเล่นเกมออนไลน์ตามอัตราและเงื่อนไขที่บริษัทผู้ให้บริการกำหนดไว้           

ประเภทของเกมออนไลน์ มี 2 ประเภท ดังนี้

               1. Massively Multiplayer Online Role-Playing Game (MMORPG) คือ เกมออนไลน์ที่สามารถรองรับ ผู้เล่นเกมได้พร้อมกัน เป็นจำนวนมาก โดยผู้เล่นทุกคนสามารถ มีปฏิสัมพันธ์กันในโลกของเกมได้พร้อมกัน (Real Time Interaction) ซึ่งเปิดโอกาส ให้ผู้เล่นสามารถแข่งขัน หรือผูกมิตรกันได้เสมือนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง โดยเนื้อหาของเกมส่วนใหญ่ จะเกี่ยวกับการต่อสู้ผจญภัย เพื่อป้องกันตัวหรือในภาวะสงคราม โดยมีลักษณะทั่วไปดังนี้
  • ผู้เล่นเกมจะเล่นเป็นตัวละครหนึ่งๆ หรือหลายตัวในเวลาเดียวกัน โดยใช้ระบบการควบคุมตัวละครหลายตัว (Multi Character Control System: MCC) ซึ่งแต่ละตัวจะมีบทบาทต่อเนื่อง และมีจุดเด่น / จุดด้อยที่แตกต่างกันไป
  • ผู้เล่นเกมสามารถเพิ่มประสบการณ์ (Level) และเก็บสะสมอุปกรณ์ ต่างๆ (Item) เช่นอาวุธ หรือคะแนน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ของตัวละครทำให้มีลักษณะ ที่แตกต่างจากตัวละครตัวอื่นๆ และสามารถแลกเปลี่ยน / ซื้อ ขาย Item ในเกมได้
  • ลักษณะการดำเนินชีวิตของตัวละคร จะอ้างอิงเหตุการณ์และการใช้ชีวิตเสมือนสังคมในชีวิตจริง เช่น การแต่งงาน การรับตัวละครอื่นๆ เป็นลูกศิษย์หรืออาจารย์ การรวมกลุ่มกันเพื่อต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม เป็นต้น
  • การเล่นเกมจะไม่มีผลแพ้หรือชนะ โดยการเล่นเกมจะต่อเนื่องไปตามเนื้อเรื่องของเกมที่ไม่มีวันสิ้นสุด
  • ผู้เล่นเกมโดยส่วนใหญ่จะมีความภักดีต่อเกม ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากลักษณะของเกม ที่กระตุ้นให้เกิดการแข่งขันระหว่างผู้เล่น โดยจะใช้เวลาในการเล่นเกมค่อนข้างนาน เพื่อเก็บประสบการณ์ / Level ในเกม
               2. Casual Game คือ เกมออนไลน์ที่มีตัวการ์ตูนน่ารักสีสันสดใส มักเป็นเกมเล่นง่าย ที่ผู้เล่นเกมไม่ต้องใช้เวลา หรือทักษะในการเล่นมากนัก และสามารถเล่นจบในเวลาอันสั้น ซึ่งเหมาะสำหรับการเล่นเพื่อผ่อนคลาย
           

การคิดค่าบริการเกมออนไลน์

                              การคิดค่าบริการเกมออนไลน์ สำหรับเกมออนไลน์นั้นผู้เล่นจะต้องเสียค่าบริการให้กับบริษัทผู้เปิดเซิร์ฟเวอร์เกมออนไลน์ โดยรูปแบบ การเก็บค่าบริการในปัจจุบันจะมีอยู่ทั้งหมด 2 แบบคือ Air time และ Item Selling
               1. Air Time เป็นการซื้อบัตรเติมเวลาเพื่อเล่นเกมออนไลน์ เปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดๆ ก็เหมือนๆ กับบัตรเติมเงินโทรศัพท์มือถือ โดยหากเราไม่ได้เสียค่า Air Time ก็จะ ไม่สามารถเข้าเล่นเกมออนไลน์ได้ รูปแบบของบัตรเติม Airtime ก็จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ เติมเป็นเป็นชั่วโมง และเติมเป็นวัน ส่วนใหญ่การเก็บค่าบริการแบบนี้จะเจอในเกมออนไลน์ประเภท MMORPG ตัวอย่างเช่น Ragnarok, LineageII, Mu Online เป็นต้น
               2. Item Selling การเก็บค่าบริการแบบนี้ผู้เล่นสามารถเข้าเล่นเกมได้ฟรี แต่หากต้องการซื้อ item บางอย่างมาใช้ในเกม จะต้องทำการเติมแต้มด้วยเงินจริง เพื่อนำแต้มเหล่านั้นไปใช้ซื้อ item ต่างๆ ส่วนใหญ่การเก็บค่าบริการแบบนี้จะเห็นในเกมออนไลน์ประเภท Casual Game เช่น Pangya, O2Jam, Last Chaos เป็นต้น

ประเภทของบัตรเติมเงิน
               บัตรเติมเงินมี 3 ประเภท คือ
               1. บัตรเติมเงินที่ออกโดยบริษัทผู้นำเข้า
               2. เกมออนไลน์ใช้ได้เฉพาะเกมออนไลน์ที่บริษัทผู้ออกบัตรเป็นผู้ให้บริการเท่านั้น
               3. บัตรเติมเงินทั่วไปใช้ในการซื้อสินค้า/บริการ ทางอินเทอร์เน็ตได้ทั่วไปในประเทศไทย เช่น บัตรเติมเงิน True Money, mPay เป็นต้น

Luxury Goods สำหรับนักท่องเที่ยว


         Luxury Goods คืออะไร
         Luxury Goods ตามหลักเกณฑ์การคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว ได้แก่ 1. อัญมณีที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเรือนหรือของรูปพรรณ 2. ทองรูปพรรณ 3. นาฬิกา 4. แว่นตา และ 5. ปากกา ที่มีมูลค่าสินค้าชิ้นละตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป

         นักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้าประเภท Luxury Goods ต้องตรวจสินค้าที่สำนักงานศุลกากรและที่สำนักงานคืนภาษีฯ บริเวณด้านในหลังผ่านตม. อีกครั้ง ถึงจะสามารถขอคืนภาษีฯ ได้ ดังนั้นนักท่องเที่ยวจะต้องนำสินค้าประเภท Luxury Goods ติดตัวไปขึ้นเครื่องด้วยเพื่อจะได้แสดงสินค้าให้เจ้าหน้าที่ตรวจอีกครั้ง ณ สำนักงานคืนภาษีฯ

การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับนักท่องเที่ยว

การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม






เงื่อนไขการขอคืนภาษีนักท่องเที่ยว



  • นักท่องเที่ยวต้องนำสินค้าออกนอกราชอาณาจักรไทย ภายใน 60 วัน โดยนับวันที่ซื้อสินค้าเป็นวันแรก
  • ต้องซื้อสินค้าจากร้านค้าที่แสดงป้ายสัญลักษณ์ “VAT REFUND FOR TOURISTS”
  • ต้องซื้อสินค้ามูลค่าไม่น้อยกว่า 2,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) จากสถานประกอบการแห่งเดียวกัน ในวันเดียวกัน
  • ณ วันที่ซื้อสินค้า ให้แสดงหนังสือเดินทางแก่พนักงานขายและขอแบบ ภ.พ.10 จากร้านค้าพร้อมทั้งต้นฉบับใบกำกับภาษี โดยแบบ ภ.พ.10 แต่ละฉบับต้องมีมูลค่าสินค้า 2,000 บาทขึ้นไป
  • ในวันที่เดินทางออกก่อน Check-in ให้นำสินค้าและแบบ ภพ.10 ไปแสดงให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสินค้าและประทับตรา
  • สินค้าราคาแพง ได้แก่ อัญมณีที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเรือนหรือของรูปพรรณ, ทองรูปพรรณ, นาฬิกา, แว่นตา ปากกา โทรศัพท์แบบพกพา หรือสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์แบบพกพา กระเป๋าถือ (ไม่รวมถึง กระเป๋าเดินทาง) เข็มขัด ที่มีมูลค่าชิ้นละ 10,000 บาทขึ้นไป หรือสินค้าที่สามารถนำติดตัวไปพร้อมกับการเดินทางที่มีมูลค่าการซื้อต่อชิ้นตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป ต้องนำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่สรรพากรตรวจประทับรับรองในแบบ ภ.พ.10 อีกครั้ง ณ สำนักงานคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ผู้โดยสารขาออก ส่วนในหลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง

สาเหตุที่ขอคืนภาษีฯ ไม่ได้รับอนุมัติ สำหรับนักท่องเที่ยว

Vat Refund for Tourists
สาเหตุที่ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ได้รับอนุมัติ สำหรับนักท่องเที่ยว
  •  
  • เป็นลูกเรือที่เดินทางออกนอกประเทศในระหว่างปฏิบัติหน้าที่
  • ไม่ได้นำสินค้าออกนอกประเทศไทยภายใน 60 วันนับตั้งแต่วันที่ซื้อสินค้า
  • ไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศไทยผ่านทางท่าอากาศยานนานาชาติ
  • ชื่อและหมายเลขหนังสือเดินทางในใบกำกับภาษีที่แนบมากับแบบ ภ.พ.10 ไม่ใช่ของผู้ขอคืนภาษี
  • ซื้อสินค้ามูลค่าน้อยกว่า 2,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) จากสถานประกอบการแห่งเดียวกัน ในวันเดียวกัน
  • ไม่ได้จัดทำแบบ ภ.พ. 10 ในวันที่ซื้อสินค้า
  • มูลค่ารวมของสินค้าที่ขอคืนน้อยกว่า 2,000 บาท
  • ไม่แนบต้นฉบับใบกำกับภาษีมาพร้อมกับแบบ ภ.พ.10
  • ไม่นำสินค้าออกนอกประเทศในวันที่เดินทางออก
  • ไม่ได้ซื้อสินค้าจากร้านค้าที่อยู่ในระบบการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว (VRT)
  • จำนวนรายการสินค้าที่แสดงในแบบ ภ.พ.10 มากกว่าจำนวนรายการที่แสดงในใบกำกับภาษี
  • ไม่ได้รับการตรวจสินค้าจากศุลกากรก่อนนำออกนอกประเทศ
  • ไม่ได้รับการตรวจสินค้าราคาแพงอีกครั้งจากเจ้าหน้าที่สรรพากร
  • ใบกำกับภาษีที่แนบมากับแบบ ภ.พ.10 ไม่ได้ออกจากร้านค้าที่ระบุไว้ในแบบ ภ.พ.10

การคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว


ขั้นตอนการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว

1.
ให้ศุลกากรตรวจสินค้าและประทับตราบนแบบคำร้องขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับนักท่องเที่ยว (ภ.พ.10)

          นักท่องเที่ยวต้องยื่นเอกสารการขอคืนภาษี (แบบ ภ.พ.10 และต้นฉบับใบกำกับภาษี) พร้อมนำสินค้าให้เจ้าพนักงานศุลกากรตรวจสินค้า ประทับตราและลงชื่อ

วันเดือนปีกำกับไว้ในแบบ ภ.พ.10 มุมขวาล่าง ช่องสำหรับเจ้าพนักงานศุลกากร

         กรณีสินค้าที่ขอคืนเป็นสินค้าที่กรมสรรพากรกำหนด 10 ชนิด ได้แก่ อัญมณีที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเรือน หรือของรูปพรรณ ทองรูปพรรณ นาฬิกา แว่นตา ปากกา โทรศัพท์แบบพกพา หรือสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์แบบพกพา กระเป๋าถือ (ไม่รวมถึง กระเป๋าเดินทาง) เข็มขัด ที่มีมูลค่าการซื้อแต่ละชิ้นตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไปหรือสินค้าที่สามารถนำติดตัวไปพร้อมกับการเดินทาง ที่มีมูลค่าการซื้อต่อชิ้นตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป ต้องนำสินค้าไปแสดงต่อเจ้าพนักงานสรรพากรเพื่อประทับรับรองในแบบ ภ.พ.10 อีกครั้ง
2.
สำรองที่นั่งและ Check-In กระเป๋าเดินทาง
3.
ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง
4.
ยื่นเอกสารการขอคืนภาษี และสินค้าที่กรมสรรพากรกำหนด 10 ชนิด ตามข้อ 1. (ถ้ามี)
ต่อเจ้าพนักงานสรรพากร เพื่อขอรับเงินภาษีคืน